ตามรอยอริยะ
วัดถ้ำบาดาล(ธ)
ตำบลลำพญากลาง
อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ประวัติวัดถ้ำบาดาล
ปลายปี
พ.ศ.2540 พระอาจารย์ธนภณ อริยวํโส ได้ทราบข่าวจาก หลวงพ่อชาญ ปิยธมฺโม ซึ่งได้เดินธุดงค์ผ่านมาทาง
บ้านซับปลากั้ง ต.ลำพญากลาง ได้แวะปักกรด ที่เชิงเขา ซึ่งมีถ้ำๆหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า
ถ้ำเทวดา หลวงพ่อปักกรดอยู่หลายวันเพื่อเจริญภาวนา
ชาวบ้านถวายที่สร้างวัด
ชาวบ้านชื่อ”ตาดา”ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ดินแห่งนี้
ได้มาอุปัฏฐากดูแลช่วงที่หลวงพ่อปักกรด มีความศรัทธาปรารถนาอยากให้สร้างวัดขึ้น
แต่ช่วงนั้นหลวงพ่อยังเดินธุดงค์ ไม่พร้อมในการฉลองศรัทธาสร้างวัด จึงได้เดินธุดงค์ไปบอก
พระอาจารย์สุวรรณ นริสโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำพรหมประดิษฐ์ จึงได้เดินทางมาพักดูสภานที่เหมาะแก่การภาวนา
ครูบาแก้ว เห็นว่า เหมาะสำหรับสร้างไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรมอีกแห่งหนึ่ง จึงรับอาสาขอมาพักปฏิบัติธรรม
หลังจากออกพรรษาและรับกฐินเรียบร้อยแล้ว ครูบาแก้วจึงได้เดินธุดงค์มาจาก อ.ปากช่อง
ผ่านป่าบ้านซับมะระกอ บ้านซับมืด บ้านสอยดาว ผ่านป่า เดินทางจนมาถึงถ้ำ จึงได้ปักกรดและอยู่ปฏิบัติมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน2540
เริ่มสร้างสำนักปฏิบัติธรรม
ชาวบ้านเห็นมีพระ
คือครูบาแก้ว ได้มาพัก จึงได้มาทำบุญกันประจำ จึงได้สร้างศาลาเล็กๆขึ้นมาหลังหนึ่ง
เมื่อวันที่5ธันวาคม2540 เป็นวันลงเสาเอก มีหลวงเตียสุรินทร์ จิรธัมโม
เป็นบิดา ของครูบาแก้ว มาช่วยสร้างศาลา ชาวบ้านมี ทายกพล โพธิ์กลาง นายเลื่อน
ระวังกลาง พร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคน ซึ่งพระครูบาแก้ว มีเงินติดย่ามอยู่เพียง28บาทเท่านั้น
จึงได้ตั้งใจอธิฐานจิต ขอตั้งความปรารถนาสร้างสำนักให้สำเร็จ
จะได้พาญาติโยมพากันมาปฏิบัติธรรม ในพรรษาปีแรก2541 พระอาจารย์อิฐ สุขิโต
ได้มาอยู่จำพรรษาและช่วยสร้างวัดเป็นเวลาถึง5ปี
จึงได้เดินทางไปเป็นเจ้าอาวาสที่บ้านบึง ชลบุรี และมีอีกหลายๆคนที่มาช่วยกันสร้าง
ไม่ได้กล่าวเอยชื่อ
เกิดขึ้นเป็นวัดถ้ำบาดาล
สำนักปฏิบัติธรรรม
ชื่อถ้ำบาดาล พระอาจารย์สุวรรณ นริสโร ได้ตั้งชื่อให้ และบอกไว้ว่า ชื่อวัดถ้ำบาดาล
ต่อไปจะดังเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก ครูบาแก้ว จึงได้เขียนป้ายติดไว้หน้าสำนักว่า”ธุดงคสถานถ้ำบาดาล”
โยมน้ามาอุปัฏฐาก
ดุแลช่วยสร้างวัด
ในขณะที่เริ่มสร้างวัด
มีโยมน้า ของครูบาแก้ว ชื่อ”โสภิดา ทองนุช” ครูบาแก้ว นับถือจะเรียกว่า โยมแม่ติ๋ว
ได้มาช่วยสร้างหาวัสดุภัณฑ์สิ่งของ ผ้าป่าฯ เพื่อนำปัจจัยมาก่อสร้างศาลา กุฏิหญ้าคา
จนได้อยู่พอพักอาศัยในช่วงปีแรกๆ ซึ่งต่อมา ได้บวชเป็นแม่ชี และได้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใหม่
ตามที่ครูบาแก้ว ตั้งให้ใหม่ ชื่อว่า แม่ชีพิมพัทธสุนี(แม่ชีติ๋ว) สุทธิทนุธรรม ถือศีลปฏิบัติธรรม อยู่ช่วยครูบาแก้ว
มาจนถึงปัจจุบันนี้
สละทีดินสร้างวัด
ทางคณะสงฆ์เห็นว่า
สำนักถ้ำบาดาล มีพระสงฆ์จำพรรษาไม่เคยขาดประกอบกับมีพื้นที่ดินถึง10ไร่เศษ
สามารถตั้งเป็นวัดได้ จะได้ให้ชาวบ้านประกอบศาสนกิจได้สะดวก จึงได้ดำเนินเรื่องขอใช้พื้นที่ดิน
โดยมีเจ้าของที่ดินชื่อ”นายสวิสด์ ฝ่ายกลาง(เป็นน้องชายนับถือกันกับ
ลุงดา ที่ดูแลสถานที่ดิน)ลุงสวิสด์ เดิมบ้านอยู่บ้านหมอ
ไม่ค่อยได้ใช้พื้นที่ดินแห่งนี้ พอได้ทราบข่าว ว่าจะมีการสร้างวัด มีความดีใจ
จะได้มีโอกาสถวายที่สร้างวัด จึงได้ไปเซนยินยอม สละที่ดินกับเจ้าหน้าที่
สปก.สระบุรี เพื่อใช้ในการสร้างวัดต่อไป ซี่งมี นาย อณุชา จงใจกลาง
ได้ทำเรื่องยื่นหนังสือ ขอใช้ประโยชน์ในที่ดินในการสร้างวัด และได้รับอนุญาต เมื่อวันที่
6 กันยายน 2560
ดำเนินเรื่องขอสร้างวัด
ต่อมา
ครูบาแก้ว ได้รู้จักกับโยมคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อทองสิน
วัดป่าสมปรารถนา แก่งคอย ได้ทราบข่าวการสร้างวัด
จึงได้ขออาศัยประสบการณ์การสร้างวัด ขอดำเนินเรื่องสร้างวัดครั้งนี้เป็นบุญ น.ส.จารุกร
แม้นจริง จึงได้จัดทำเอกสาร ขอสร้างวัดและได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 27
พฤศจิกายน 2560 และได้ดำเนินงานด้านเอกสาร ขอตั้งวัดถ้ำบาดาล ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดถ้ำบาดาล
ได้สำเร็จเมื่อวัน 31 สิงหาคม 2560 เป็นต้นมา
งานสร้างพระ
สร้างคน
ครูบาแก้ว
อริยวํโส ได้พาญาติโยมปฏิบัติธรรมเป็นประจำทุกวัน มีสายธารศรัทธาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เดินทางมาขอจำศีลภาวนากันจำนวนมาก
พระพุทธศรีมงคลชัย
องค์ดำคำแสนสิริจันทรานาคราช
ครูบาแก้ว
ได้ดำหริ ศาลาเก่าที่สร้างไว้เมื่อตอนสร้างสำนักใหม่ๆปี2540 เกิดชำรุดทรุดโทรมมากจำเป็นต้องรื้อ
แต่ครูบาแก้ว บอกว่า ตรงนี้เป็นจุดกำเนิด เกิดขึ้นเป็นวัด ต้องทำอนุสรณ์ไว้
จึงได้สร้างพระนาคปรก ขนาดใหญ่หน้าตัก4.5เมตร มีความสุง15เมตร
เพื่อให้คนที่มาวัดได้กราบไหว้บูชา ยังจิตให้เป็นกุศล สถานที่นี้นับว่าศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
ปัจจุบันพระนาคปรก พุทธศรีมงคลชัย มีผู้คนมากราบไหว้ขอพร แก้บน รำถวาย
กันไม่ขาดสาย จนมีชื่อเสียงว่า เป็นพระนาคปรกอีกหนึ่งที่มีคนศรัทธามากๆที่เดียว
ท้าวเวสสุวรรณ(กายมนุษย์)
ในปลายปี2564
ครูบาแก้ว ได้พาคณะลูกศิษย์ของ นายอธิบดี(ฟิวส์)จันทร์ฉาย จำนวน31คน เดินทางเข้าสู่ป่า
ถ้ำวงกต สถานที่หลวงพ่อชาญ ปิยธัมโม เคยบำเพ็ญ และครูบาแก้ว พระอาจารย์อิฐ สุขิโต
เคยพักอยู่จำพรรษา
วันที่เดินทางเข้าถ้ำวงกต
เป็นช่วงฤดูฝน ทางเดินไปถ้ำระยะ1กิโลเมตรกว่าๆ ชุ่มไปด้วยน้ำ ต้นไม้ กอหญ้า ขึ้นรกทางมาก
แต่คณะทั้งหมดก็เดินไปจนถึงถ้ำวงกตกลางป่าใหญ่ และนายอธิบดี ได้สัมผัสถึงถ้ำวงกตว่ามียักษ์อาศัยอยู่
ครูบาแก้ว จึงอนุญาตให้ช่วยกันสร้างท้าวเวสสุวรรณกายมนุษย์ขึ้น เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์
2565
ท้าวเวสสุวรรณ(กายยักษ์6เมตร)
สร้างความเจริญสุด
ต่อมาเมื่อวันที่9กรกฎาคม
2565 ครูบาแก้ว ได้ดำหริ สร้างท้าวเวสสุวรรณกายยักษ์ขึ้นอีก1องค์
เพื่อให้คู่กับกายมนุษย์ โดยมีคุณเปา ปวริศ ได้เดินทางมาที่วัดและมีความศรัทธาต้องการสร้างท้าวเวสสุวรรณขึ้น
โดยขอเป็นเจ้าภาพเองคนเดียว ในราคา 340,000 บาท(รวมฐานตั้งองค์)
จากวันนั้นเป็นต้นมา ปากต่อปาก ถึงความศักดิ์สิทธิ์
มีผู้คนหลั่งไหลมาจำนวนมากวันละพันกว่าคน ตลอดฤดูฝนในปี2564 จนถึงปัจจุบัน
แม้ทางวัดจะติดขัดปัญหาการเดินทางของญาติโยมที่เข้าสุ่ป่า มีความลำบากมาก จึงได้อัญเชิญย้ายองค์ปู่ทั้งสอง
มาประดิษฐาน ไว้ ณ สวนนันทวัน สถานที่ติดกับวัดถ้ำบาดาล
จนถึงทุกวันนี้จากตำนานสู่ตำนาน ก็ยังมีผู้คนยังมากราบไหว้ขอพร อยู่ตลอดทุกวัน
ชาวบ้านมีงานทำ
เศรษฐกิจหมู่บ้านดีขึ้น
นับว่า
ท้าวเวสสุวรรณ นั้นได้ส่งเสริมให้วัดถ้ำบาดาล มีความเจริญแล้ว ยังได้ช่วยให้ชาวบ้านมีการมีงานทำใกล้ๆบ้าน
ไม่ต้องลำบากไปหางานทำในเมืองอีกต่อไป
บารมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถึงแม้ว่า
เวลานี้ การสร้างวัดจะผ่านมานานหลายสิบปี วัดวา ก็เจริญขึ้น
คนรอบๆก็มีความสุขกันดี เพราะได้อาศัย ร่มโพธิ์ใบใหญ่ ร่มไทรใบหน้า จากหลวงพ่อแก้ว
อริยวํโส ที่ได้บำเพ็ญภาวนา จนเกิดผลนำพาทุกคนไปสู่จุดหมายในชีวิต
คือความสุขของชาวบ้าน บุคคลทั่วไปได้มาปฏิบัติธรรรม และน้อมดวงจิต
มอบกายถวายชีวิตนี้ เพราะได้อาศัยบารมีสูงสุด คือ องค์พระสมเด็จสัมมาพระพุทธเจ้า
อันเป็นสิ่งสักการะสูงสุดของเราชาวพุทธ หาที่สุดมิได้ ตราบชั่วชีวิตนี้
เขียนโดย ปุระณะ ตาเมือนธม |